top of page
boonsociety

ฮิกกิ้นส์ ฟิตเปรี๊ยะ พร้อมสำหรับบริติช โอเพ่น


จอห์น ฮิกกิ้นส์ แชมป์โลก4 สมัย ฟิตตัวอย่างหนักเพื่อสู้ศึกฤดูกาลใหม่ โดยเฉพาะบริติช โอเพ่น ที่เขาได้ชื่อว่าเป็นแชมป์เก่า...เมื่อ 17 ปีก่อน

ฮิกกิ้นส์ ตั้งเป้าหมายคว้าแชมป์บริติช โอเพ่น สมัยที่ 5 ซึ่งจะทำให้เป็นผู้ครองแชมป์สูงสุด เหนือกว่าสตีเฟ่น เฮนดรี้ ที่ทำได้ 4 สมัยเท่ากันตอนนี้


“ผมพยายามจะลดน้ำหนักลงไปบ้างเพื่อฤดูกาลใหม่ ผมรู้สึกว่าคล่องแคล่วขึ้นที่โต๊ะแข่งขันระหว่างเกมแชมเปี้ยนชิพลีก นั่นทำให้ผมมองว่ากำลังมาถูกทางแล้ว” ฮิกกิ้นส์ วัย 45 ปีกล่าว

“ผมต้องเอาเสื้อกั๊กหลายตัวไปเปลี่ยนเพราะว่ามันหลวมไป มันวิเศษมาก ในรอบหลายที่ผ่านมา ผมจะต้องขยายเสื้อขึ้นมาตลอด ผมไม่เคยสังเกตเลยจนกระทั่งน้ำหนักผมลดลงซึ่งทำให้ผมต้องพบกับความจริงที่ว่าผมตัวใหญ่กว่าที่ผมคิด ก็หวังว่าผมจะรักษารูปร่างแบบนี้ได้จนกระทั่งเลิกเล่น”


“ผมไม่ต้องการที่จะกลับไปในรูปแบบเดิมๆ คือผมคิดถึงเรื่องการลดน้ำหนักมาหลายปี แต่ไม่เคยทำอย่างจริงจังเลย มีบางอย่างที่กระตุ้นเตือนว่าผมจะต้องทำอะไรซักอย่าง ซึ่งหากว่าคุณตั้งใจเมื่อนั้นคุณจะทำได้ ผมคิดว่าการเป็นนักกีฬา จะต้องมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวต้องการประสบความสำเร็จซึ่งสิ่งนี้จะช่วยคุณได้ มันไม่เคยเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผมเลย แต่ตอนนี้มันเป็นแล้ว”


ฮิกกิ้นส์คว้าแชมป์บริติช โอเพ่น ครั้งล่าสุดที่จัดแข่งในปี 2004 เมื่อเขาเอาชนะสตีเฟ่น แมกไกวร์ 9-6 เป็นการคว้าแชมป์ที่สำคัญ หลังจากต้องเป็นพระรองมาตลอดการชิงแชมป์มา 6 รายการติดต่อกัน และยิ่งเพิ่มความประทับใจ เมื่อเดนิส ภรรยาของเขาได้ให้กำเนิดบุตรชายหลังจากคว้าแชมป์นั้นเค่ 2 วัน


“ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นแชมป์เก่าเลย เพราะว่ามัน17 ปีแล้วที่ผมคว้าแชมป์มา ผมจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดี ผมคิดว่าจะแข่งจบได้ไหมเพราะเดนิสใกล้คลอดเต็มแก่ สตีเฟ่น กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในขณะนั้น ผมรู้ว่าต้องเจองานหนัก แต่ผมก็รวบรวมสมาธิและเล่นได้ดี ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ เท่านั้นยังไม่พอ ผมเดินทางกลับบ้านแล้ว 2 วันต่อมาโอลิเวอร์ก็ลืมตาดูโลก มันเป็นช่วงเวลาไมกี่วันที่เหลือเชื่อ”


แม้จะคว้าแชมป์บริติช โอเพ่น มากถึง 4 สมัย แต่ฮิกกิ้นส์ก็เคยเจอความผิดหวังที่ลืมไม่ลงเหมือนกัน นั่นคือรอบชิงปี 1996 ที่โดนไนเจล บอนด์ เฉือนไป 9-8 ทั้งที่ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม


แมตช์นัดชิงชนะเลิศยืดเยื้อถึงเฟรมตัดสิน ซึ่งดูเหมือนว่าถ้วยรางวัลจะมุ่งสู่กลาสโกว์ เมื่อฮิกกิ้นส์ นำอยู่ 69-0 บอนด์ต้องวางสนุ้กแล้วก็ทำได้จนกลับมามีลุ้นแล้วต้องมาชิง 2-1 เมื่อเหลือแค่ชมพูกับดำ ฮิกกิ้นส์ ขอชมพูลูกเดียวแต่ทำไม่ได้ เปิดโอกาสให้บอนด์ตบชมพู แล้วเช็ดลูกดำบางเฉียบ กระชากตำแหน่งแชมป์บริติช โอเพ่นปีนั้นไปครอง


ฮิกกิ้นส์ ย้อนให้ฟังว่า “ เกมนั้นมันทำให้คุณจะต้องจำความพ่ายแพ้ของคุณว่าเป็นอย่างไร ผมชนะสตีเฟ่นในปี 2004 แต่ผมไม่รู้เลยว่าอีก 3 คนที่ผมชนะในปีนั้นคือใคร แต่ผมจำได้ชัดเจนในนัดชิงชนะเลิศซึ่งไนเจล ผมผิดหวังสุดๆ เพราะในเฟรมตัดสินผมนำจนแต้มขาดแล้ว แต่เขากลับมาได้อย่างยอดเยี่ยม หลังแมตช์ ครอบครัวผมพาไปกินอาหารจีน ผมแทบจะทำใจกินไม่ลง มีชัยชนะหลายครั้งที่ผมลืมมันไป แต่ผมกลับจำความพ่ายแพ้ครั้งนั้นได้ติดตาตรึงใจเลย”


สำหรับศึกบริติช โอเพ่น ปีนี้ ฮิกกิ้นส์ลงแข่งรอบแรกพบกับนักแข่งรุ่นหลานชาวสวิส อเลกซานเดอร์ อัวร์เซนบัคเกอร์ ที่ก่อนหน้านี้เขาเอาชนะได้ตลอด 4 ครั้งที่ผมกัน แต่ฮิกกิ้นส์ ก็ไม่คิดว่าจะเป็นงานง่าย


“เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมาก บางทีเขาอาจจะไม่ได้โชว์ฝีมือของเขาอย่างเต็มที่ในเกมที่พบกับผม ผมเคยดูเกมเขาลงเล่นกับผู้เล่นชั้นนำคนอื่นๆ ซึ่งเขาก็เล่นได้ดี เกมระบบ 3ใน 5 จะออกทางไหนก็ได้ คุณต้องเริ่มต้นให้ดีและปิดจ็อบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”


“รายการบรติช โอเพ่น เคยเป็นรายการใหญ่ของทุกปี น่าเสียดายที่มันขาดหายไป แต่ก็ยอดเยี่ยมมากที่กลับมาจัดอีกครั้ง ผมคิดว่าการจับสลากแบบสุ่ม ไม่มีมือวาง มันสร้างสีสันใหม่ๆ ให้การแข่งขัน ฟอร์แมทการแข่งขันก็เป็นเกมสั้นกว่าที่เคยเล่น แต่มันก็จะเป็นรายการที่ดีสำหรับทุกคน”

ดู 4 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


bottom of page